การลงทุน

เรื่องต้องรู้สำหรับนักลงทุนมือใหม่: การลงทุนระยะสั้น vs ระยะยาว ต่างกันอย่างไร

การลงทุน

การลงทุนระยะสั้น และระยะยาว คงจะเป็นคำที่เหล่านักลงทุนทั้งมือใหม่และมืออาชีพคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่สำหรับนักลงทุนมือใหม่ อาจจะยังไม่ทราบว่า ความแตกต่างของการลงทุนทั้ง 2 แบบนี้คืออะไร และตัวนักลงทุนเองนั้นเหมาะกับการลงทุนแบบไหน วันนี้เราจะมาตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการลงทุนทั้ง 2 ประเภท เพื่อให้คุณสามารถเลือกลงทุนได้เหมาะสมกับตัวเองที่สุด

การลงทุนระยะสั้น คืออะไร?

การลงทุนระยะสั้นคือ การลงทุนที่หวังผลกำไรจากการลงทุนในระยะสั้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ลงทุน ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลาในการลงทุนตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 3 ปี เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากการลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ โดยการลงทุนในลักษณะนี้จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สามารถลงทุนได้ในหุ้น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนรวมตลาดเงิน หรือพันธบัตรรัฐบาล เป็นต้น

ข้อดีของการลงทุนระยะสั้น

  1. ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่รวดเร็ว
  2. มีโอกาสได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง
  3. สามารถถอนออกมาใช้ก่อนได้ แล้วค่อยเพิ่มวงเงินในการลงทุนภายหลังหากต้องการ
  4. เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้แบบไม่ต้องกังวล

ข้อเสียของการลงทุนระยะสั้น

  1. การถอนเงินออกมาใช้ก่อน อาจส่งผลกระทบต่อวงเงิน และสร้างความผันผวนให้กับการลงทุนได้
  2. ต้องหมั่นอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุน เพื่อให้สามารถจัดการความเสี่ยงได้ทัน
  3. แม้จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูง แต่ก็อาจเกิดความผันผวนได้ตลอดเวลา

 การลงทุนระยะยาว คืออะไร?

การลงทุนระยะยาวคือ การลงทุนที่มีการกำหนดนโยบายลงทุน และแผนทางการเงินไว้อย่างชัดเจน ตั้งแต่ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ อัตราความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ระยะเวลาที่ใช้ในการลงทุน รวมถึงเงินลงทุน ซึ่งการลงทุนระยะยาวจะเหมาะกับคนที่มีรายได้หรือเงินเดือนเป็นประจำ โดยมีจุดประสงค์คือ เพื่อการออมเงินไว้ใช้ในระยะยาว โดยปราศจากความเสี่ยง สามารถลงทุนได้ในกองทุนหุ้น กองทุนหุ้นปันผล กองทุนตราสารหนี้ กองทุน RMF เป็นต้น

ข้อดีของการลงทุนระยะยาว

  1. ได้ผลตอบแทนสูง
  2. มีความผันผวนทางการเงินน้อย เมื่อเทียบกับการลงทุนระยะสั้น
  3. มีกองทุนระยะยาวให้เลือกหลากหลายประเภท และสามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้

ข้อเสียของการลงทุนระยะยาว 

  1. ใช้เวลานานกว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุน
  2. ไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ก่อนได้เป็นระยะเวลานาน ทำให้อาจพลาดโอกาสในการลงทุนอื่นๆ

ซึ่งการจะเลือกลงทุนแต่ละประเภทนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาเงื่อนไข และรายละเอียดในการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุนเสมอ เพราะทุกการลงทุนมีความสูง แต่จะมากหรือจะน้อยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการศึกษาข้อมูล รวมถึงการเลือกประเภทการลงทุนด้วยเช่นกัน และสำหรับใครที่สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนดีๆ ก็สามารถติดตามต่อได้ที่ Invest Gunter เราพร้อมอัปเดตทุกข้อมูลการลงทุนให้คุณเข้าใจและสามารถลงทุนได้แบบนักลงทุนมืออาชีพ

10 คำคมเติมไฟ สร้างแรงบันดาลใจการลงทุน

Previous article

ลงทุนสลากออมสิน ออมเงินยังไง ให้มีแต่ได้กับได้!

Next article