กลยุทธ์การลงทุนแบบ Day Trade และ VI คงจะเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนมืออาชีพคุ้นเคยและสามารถบอกได้ทันทีว่า คุณเป็นนักลงทุนแบบ Day Trade หรือ VI ซึ่งทั้ง 2 กลยุทธ์ก็มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งลักษณะการลงทุน ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงความเสี่ยงที่ต้องเจอ ซึ่งแน่นอนว่า สำหรับนักลงทุนมือใหม่ เรื่องนี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ ซึ่งในวันนี้เราจะพามาทำความรู้จัก “นักลงทุนหุ้นแบบ Day Trade vs VI” เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับคุณได้มากที่สุด
นักลงทุนแบบ Day Trade
เป็นนักลงทุนที่ลงทุนและเน้นการทำกำไรในระยะสั้น ผ่านการเทรดแบบ ชั่วโมงต่อชั่วโมง วันต่อวัน หรือเดือนต่อเดือน โดยอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลักเช่น กราฟหุ้น กราฟแท่งเทียน Indicator หรือข้อมูลการขึ้นลงของราคา ซึ่งการลงทุนลักษณะนี้จะให้ผลตอบแทนที่รวดเร็ว แต่มีความเสี่ยงที่มากกว่าการลงทุนแบบ VI โดยเฉพาะเมื่อผู้ลงทุนไม่มีความชำนาญมากพอ เนื่องจากผู้ลงทุนมีโอกาสเสียเงินลงทุนทั้งหมดภายในเวลาไม่กี่นาที ดังนั้นผู้ลงทุนจึงควรศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนลักษณะนี้และประเมินความเสี่ยงที่สามารถรับได้ก่อนตัดสินใจลงทุน
ข้อดีของการเป็นนักลงทุนแบบ Day Trade
1.ได้รับผลตอบแทนรวดเร็ว
2.สามารถบริหารความเสี่ยงและปริมาณเงินลงทุนได้ง่าย
3.สามารถใช้เครื่องมือทางเทคนิคในการช่วยลงทุนได้มากมาย เช่น กราฟ Indicator เป็นต้น
ข้อเสียของการเป็นนักลงทุนแบบ Day Trade
1.เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมาก หากมีความรู้ด้านการลงทุนไม่มากพอ อาจจะทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียเงินในการลงทุนทั้งหมดได้
2.จำเป็นต้องมีความรู้เฉพาะทาง เช่น หุ้นกู้ อนุพันธ์ ตราสาร เป็นต้น หากไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ก็อาจจะทำให้สูญเสียเงินในการลงทุนทั้งหมดได้เช่นกัน
นักลงทุนแบบ VI (Value Investor)
เป็นนักลงทุนที่ลงทุนและเน้นการทำกำไรในระยะยาว โดยอาศัยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก เช่น ผลประกอบการย้อนหลัง งบการเงิน แนวโน้มเศรษฐกิจ แนวโน้มและอัตราการเติบโตของธุรกิจในอนาคต เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนได้หุ้นที่มีพื้นฐานดีมาลงทุน แต่ทั้งนี้ นักลงทุนแต่ละคนก็จะมีการนำข้อมูลมาวิเคราะห์แตกต่างกันไป และเมื่อได้หุ้นที่มีพื้นฐานดีมากแล้ว ก็จะทำการถือหุ้นนั้นไว้เป็นระยะเวลานาน เมื่อหุ้นเติบโตในอนาคต จึงจะทำการขายหรือตัดสินใจถือต่อเพื่อให้ได้รับกำไรจากส่วนต่างจำนวนมาก
ข้อดีของการเป็นนักลงทุนแบบ VI (Value Investor)
1.เนื่องจากเน้นการถือครองระยะยาว ทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องเผชิญความกดดันจำนวนมาก จากการต้องวิเคราะห์หุ้นสม่ำเสมอ
2.หากวิเคราะห์ไม่ผิดพลาด ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าและแน่นอนกว่าการลงทุนแบบ Day Trade
3.หากหุ้นที่เลือกลงทุนมีการจ่ายเงินปันผล ผู้ลงทุนก็จะได้รับสิทธิประโยชน์จากเงินปันผลประจำปี
4.สามารถถอนเงินลงทุนได้ หากเห็นแนวโน้มที่ไม่ดีของหุ้นที่เลือกไว้ เนื่องจากในทุกปี บริษัทจะมีรายงานการดำเนินประจำปีเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสภาพธุรกิจให้กับผู้ลงทุน รวมถึงยังเปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถถามข้อสงสัยกับผู้บริหารหรือผู้จัดการของบริษัทนั้นได้โดยตรง
ข้อเสียของการเป็นนักลงทุนแบบ VI (Value Investor)
1.ต้องใช้ระยะเวลามากพอสมควร จึงจะได้รับผลกำไรตอบแทนกลับมา
2.ผู้ลงทุนควรมีประสบการณ์ด้านการลงทุนที่เชี่ยวชาญ เนื่องจากการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการลงทุนแบบ VI จำเป็นต้องอาศัยการวิเคราะห์มุมมอง แนวโน้ม และวิสัยทัศน์ของหุ้นที่ต้องการลงทุน หากวิเคราะห์ผิดพลาด ก็อาจจะทำให้เสียโอกาสที่ดีในการลงทุน และยังทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนดีๆ จากการลงทุนอีกด้วย
ทั้งนี้ “การลงทุน” ไม่ว่าจะด้วยกลยุทธ์หรือรูปแบบใด ล้วนมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนต้องเผชิญกันอยู่แล้ว เพียงแต่จะเป็นความเสี่ยงที่มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์หรือรูปแบบที่ผู้ลงทุนเลือก ทั้งนี้ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนอย่างละเอียดก่อนเสมอ รวมถึงหมั่นศึกษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนมากที่สุด
สุดท้ายนี้ หากคุณมีความรู้หรือความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลงทุนมากพอสมควรแล้ว ก็อย่าลืมศึกษาเกี่ยวกับ “กลยุทธ์การลงทุนแบบ Day Trade” และ “VI” ให้เข้าใจรวมไปถึงประเมินความเสี่ยงจากการลงทุนที่สามารถรับได้ก่อนตัดสินใจเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่ต้องการ เพื่อให้คุณได้กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุดนั่นเอง และหากใครสนใจติดตามเรื่องราวหรือข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับการลงทุน ก็สามารถติดตามต่อได้ที่ Invest Gunter เพราะเราจะอัปเดตข้อมูลที่จะทำให้คุณสามารถพัฒนาไปเป็นนักลงทุนมืออาชีพได้อย่างมีคุณภาพ