กันสาด หรือ กันสาดใส เป็นส่วนสำคัญของบ้าน ที่ช่วยทั้งเรื่องการตกแต่งให้บ้านดูทันสมัย และช่วยเรื่องสภาพอากาศ สำหรับประเทศไทยซึ่งมีภูมิอากาศร้อนชื้น มีอากาศร้อนอยู่ตลอดเวลา และเมื่อเข้าฤดูฝนก็มีฝนตกหนัก กันสาดจึงกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้าน โดยกันสาดนั้นมีหลายรูปแบบ แต่ที่ได้รับความนิยมใช้อย่างมากในปัจจุบัน คือ กันสาดใส และกันสาดโปร่งแสง ซึ่งบทความวันนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจ และหาข้อแตกต่างของ กันสาดใส และกันสาดโปร่งแสง เพื่อให้เลือกใช้กันได้ถูกจุดประสงค์ หากพร้อมแล้ว ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
จับจุดสังเกต ! ลักษณะเด่น กันสาดใส VS กันสาดโปร่งแสง
-
ลักษณะภายนอก
กันสาดใส มีลักษณะใสคล้ายกระจกแต่ไม่สะท้อนภาพ สามารถมองได้ทะลุปุโปร่ง มีลักษณะเป็นแผ่นเรียบ โดยแสงแดด และความร้อน สามารถส่องเข้ามาได้ตรง ๆ แต่สำหรับกันสาดโปร่งแสง มีทั้งแบบเรียบ และแบบลอนคลื่น ซึ่งแสงธรรมชาติสามารถส่องเข้ามาสู่ตัวบ้านได้โดยที่ไม่ร้อน และเมื่อแสงกระทบกับกันสาด กันสาดจะทำหน้าที่กระจายแสงอย่างสม่ำเสมอ ทำให้แสงที่ส่องเข้ามามีความเป็นธรรมชาติ
-
การใช้งาน
กันสาดใส มักใช้ในการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์ของสิ่งก่อสร้าง เพราะหลังคากันสาดที่ใสเหมือนกระจก จะทำให้สถานที่ดูโปร่ง และมีลูกเล่น แต่ทั้งนี้กันสาดใสสามารถกันฝนได้เหมือนกันสาดทั่วไป แต่ที่พิเศษกว่าชนิดอื่น ๆ คือ สามารถมองเห็นบรรยากาศภายนอกได้เหมือนกับอยู่ในพื้นที่โล่ง
ส่วนกันสาดโปร่งแสง สามารถกันได้ทั้งความร้อน และฝน มักติดตั้งในพื้นที่รอบ ๆ บ้าน เพื่อให้พื้นที่นั้นไม่เปียกแฉะเวลาฝนตก และสามารถทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องทนร้อน อีกทั้งยังมีแสงธรรมชาติจากกันสาดที่ช่วยให้พื้นที่ไม่มืดเกินไป
กันสาดใส VS กันสาดโปร่งแสง ติดตั้งบริเวณไหนให้ใช้งานได้เหมาะสม
-
บ้านโมเดิร์น
กันสาดใส เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ด้านหน้า เพื่อให้เข้ากับสไตล์ของบ้านทรงโมเดิร์น ที่เน้นการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้บ้านดูทันสมัยสวยงาม ส่วนกันสาดโปร่งแสง ก็สามารถนำมาตกแต่งให้เข้ากับสไตล์บ้านได้ และเป็นที่นิยมสูง เพราะนอกจากจะให้แสงที่เป็นธรรมชาติแล้ว ยังสามารถกันความร้อน และสะท้อนรังสี UV ได้มากถึง 99% โดยเฉพาะหากจะทำการติดตั้งที่พื้นที่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นที่ที่ใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง กันสาดโปร่งแสงจึงตอบโจทย์ได้ดี
-
บ้านนอร์ดิก
บ้านทรงนอร์ดิก จะนิยมทำหลังคาสูง และมีมุมให้แสงส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีอะไรมาบดบัง เพื่อเสริมบรรยากาศให้สถานที่มีความสดใส และอบอุ่น ซึ่งเข้ากับแนวคิดหลักของการออกแบบที่การดีไซน์ตกแต่งบ้านทั้งภายใน และภายนอกเน้นความเป็นธรรมชาติ โดยสามารถติดตั้งได้ทั้งกันสาดใส และกันสาดโปร่งแสง
แต่สำหรับประเทศไทยที่มีอากาศร้อนตลอดปี การติดตั้งกันสาดโปร่งแสงจะตอบโจทย์ได้ดีมากกว่า เพราะสามารถป้องกันรังสี UV และความร้อนไปพร้อม ๆ กับการกระจายแสงที่ให้ความเป็นธรรมชาติได้อย่างพอดี
กันสาด กันแดด ที่ดีต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ?
-
อาคารสไตล์ธรรมชาติ
อาคารสไตล์ใกล้ชิดธรรมชาติ เป็นที่นิยมมากขึ้นในประประเทศไทย และการมีแสงจากธรรมชาติส่องเข้าถึงภายในตัวอาคาร ก็เป็นอีกหนึ่งหลักการของแนวคิดใกล้ชิดธรรมชาติ โดยนิยมติดตั้งกันสาดโปร่งแสง เพื่อให้แสงธรรมใชาติส่องผ่านในตัวอาคาร เพื่อให้มีพื้นที่โปร่งโล่ง และแสงสามารถส่องเข้าไปที่ใจกลางได้
นอกจากนี้ กันสาดโปร่งแสงมักใช้ติดตั้งในพื้นที่สาธารณะ ที่มีความโดดเด่นในการตกแต่ง เช่น ห้องสมุด คาเฟ่ เป็นต้น ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก จึงต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้เป็นหลัก ดังนั้น การเลือกใช้ กันสาดใส อาจจะทำให้เกิดความร้อนมากเกินไป ดังนั้น การเลือกกันสาดโปร่งแสงมาใช้แทน จะช่วยลดความร้อน และยังคงได้สไตล์การตกแต่งแบบใกล้ชิดธรรมชาติอีกด้วย
-
พื้นที่อเนกประสงค์รอบบ้าน
พื้นที่ที่ผู้อยู่อาศัยกังวลเรื่องความเฉอะแฉะเวลาฝนตก และกังวลเรื่องความร้อนเวลาที่ต้องทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น พื้นที่ซักผ้า โรงจอดรถ บริเวณหน้าบ้าน และหลังบ้าน โดยพื้นที่เหล่านี้เหมาะสำหรับการติดตั้งกันสาดโปร่งแสง เพื่อป้องกันฝน ความร้อน และแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งทำให้พื้นที่เหล่านี้ไม่มืดจนเกินไป เพราะยังคงมีแสงสว่างเข้าถึงได้อย่างพอดี
อย่างไรก็ตาม หลักการออกแบบที่คำนึงถึงสภาพอากาศในประเทศไทย ผู้คนจึงนิยมติดตั้ง กันสาดใส ในอาคารเพียงจุดเล็ก ๆ แค่พอให้แสงส่องเท่านั้น แต่สำหรับพื้นที่ที่มีการอยู่อาศัย มักจะนิยมติดตั้งกันสาดโปร่งแสง เพราะช่วยป้องกันความร้อนได้ดี และทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ที่สำคัญคือสามารถป้องกันรังสี UV ได้ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับพื้นที่อยู่อาศัย และการให้แสงก็เป็นธรรมชาติ ให้บรรยากาศความปลอดโปร่งแจ่มใส ไม่ต่างจากกันสาดใส
แนะนำหลังคา กันสาด จากดีไลท์ (D-Lite) สไตล์โมเดิร์น
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.d-lite.co.th/