โครงหลังคา โรงงาน มีความสำคัญรองจากโครงสร้างพื้นฐาน เพราะเป็นส่วนที่รองรับน้ำหนักของวัสดุมุงหลังคา และอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ ซึ่ง โครงหลังคา โรงงาน ที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน คือ โครงหลังคาเหล็ก โครงหลังคาไม้ และโครงหลังคาสำเร็จรูป
โดยความแตกต่างด้านคุณสมบัติ มาตรฐาน และการใช้งานในลักษณะต่าง ๆ ก็มีอยู่พอสมควร จึงควรเลือกใช้ตามความเหมาะสมของรูปแบบหลังคา และสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
-
โครงหลังคาเหล็ก
โครงหลังคาเหล็ก คือ โครงหลังคาโรงงานที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะราคาไม่แพง มีอายุการใช้งานยาวนาน ติดตั้งง่าย และไม่จำเป็นต้องดูแลรักษามาก โดยโครงหลังคาเหล็กมักจะใช้เหล็กกล่อง และเหล็กรูปตัวซี สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านค้าเหล็กรูปพรรณต่าง ๆ จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้รับเหมา
นอกจากนี้โครงหลังคาเหล็ก สามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ โดยโครงหลังคาเหล็กที่นิยมใช้ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้เป็น 4 รูปแบบ ดังนี้
1. โครงหลังคาเหล็กรูปพรรณ
โครงหลังคาเหล็กรูปพรรณทั่วไปจะเป็นเหล็กสีดำ โดยปกติแล้วเหล็กประเภทนี้ต้องนำมาทาสีกันสนิมก่อน เพื่อให้โครงสร้างหลังคามีความคงทน และไม่ผุกร่อน
ซึ่งการใช้เหล็กรูปพรรณทั่วไปนั้น ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงการทาสีกันสนิม เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างละเอียด ตั้งแต่ก่อนติดตั้งที่ต้องทาสีให้ทั่วทุกด้านของผิวเหล็ก เพราะการที่ทาสีกันสนิมไม่ทั่วอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล็กเกิดสนิมได้
2. โครงหลังคาเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์
โครงหลังคาเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์ เหล็กชนิดนี้สามารถนำมาก่อสร้างได้โดยที่ไม่ต้องทาสีเคลือบกันสนิม เนื่องจากเหล็กเคลือบกัลวาไนซ์เป็นเหล็กที่มีคุณสมบัติในการกันสนิมอยู่แล้ว
โดยตัวเหล็กสามารถทาสีทับได้ และราคาเหล็กกัลวาไนซ์จะมีราคาสูงกว่าเหล็กธรรมดาทั่วไป แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้ว่ามาตรฐานในการกันสนิม มีมากกว่าการทาสีกันสนิมด้วยมือช่างอย่างแน่นอน
3. โครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูป
โครงหลังคาสำเร็จรูป ผลิตจากเหล็กกล้าที่มีกำลังดึงสูงกว่าเหล็กรูปพรรณ โดยผิวของเหล็กจะเคลือบสารป้องกันสนิมด้วยการเคลือบกัลวาไนซ์ และใช้วิธีการออกแบบโครงสร้างหลังคา ด้วยโปรแกรมออกแบบโครงสร้างหลังคาโดยเฉพาะ
โดยจะทำการคำนวณหน้าตัด ขนาด และระยะจากข้อมูลรูปแบบของรูปทรงหลังคาที่ได้มาจากลูกค้า เพื่อให้ได้รูปแบบ และขนาดของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของโครงหลังคาอย่างเหมาะสม ซึ่งข้อดีของโครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูปคือ ประหยัด คุ้มค่า และสามารถใชพื้นที่หน้างานได้อย่างเหมาะสม
4. โครงหลังคาเหล็กโครงถัก
โครงหลังคาเหล็กโครงถัก หรือโครงข้อหมุน คือ การนำชิ้นส่วนมาพาดระหว่างจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง ซึ่งโครงถักเป็นโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา แต่สามารถรับน้ำหนักได้มาก และมีช่วงวางพาดได้กว้าง จึงช่วยประหยัดโครงสร้างได้มากพอสมควร นอกจากนี้ยังสามารถออกแบบรูปทรงให้สวยงามได้ตามต้องการ โดยวัสดุที่ใช้เป็นโครงถัก ได้แก่ ไม้ เหล็กรูปพรรณ และเหล็กชุบกัลว่าไนซ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงสร้างที่ต้องการนำไปใช้งานด้วย
-
โครงหลังคาไม้
โครงหลังคาไม้ มักใช้กับโรงงาน หรือบ้าน ที่ต้องการโชว์โครงหลังคา เพราะโครงหลังคาไม้มีราคาสูงกว่าโครงหลังคาเหล็ก ส่วนอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ และกระบวนการเคลือบน้ำยาป้องกันปลวก ทำให้การเลือกไม้มาทำโครงสร้างต้องเป็นไม้เนื้อแข็ง อย่าง ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้รัง หรือไม้ตะเคียน เป็นต้น
ที่สำคัญไม้ต้องแห้งสนิท เพื่อไม่ให้เกิดการหด บิด หรือขยายตัวในอนาคตจากสภาพอากาศ เนื่องจากสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการแตกหัก หรือการร้าวของหลังคาในอนาคตได้
ในส่วนของการติดตั้งจำเป็นต้องใช้ช่างที่มีความชำนาญ และมีความรู้ในงานนั้น ๆ จึงจะออกมาได้อย่างสวยงาม ทั้งนี้การใช้โครงหลังคาที่ทำจากไม้ต้องใช้ระยะเวลาการทำงานที่นานกว่าโครงเหล็ก
สุดท้ายนี้การเลือกใช้ โครงหลังคา โรงงาน ไม่ว่าจะเป็นไม้ เหล็กรูปพรรณ หรือโครงเหล็กสำเร็จรูป สิ่งที่ควรคำนึงเป็นหลัก คืออายุการใช้งาน และวัสดุที่ใช้มุงหลังคา เพียงเท่านี้คุณก็จะได้โครงหลังคาที่เหมาะสมกับโรงงานที่มีทั้งความแข็งแรง และความปลอดภัยให้กับโรงงานของคุณ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หลังคาไฟเบอร์กลาส , หลังคาโปร่งแสง
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.onestockhome.com/