หนึ่งในปัญหาผิวหน้าที่หลายคนพบเจอจนท้อ และถอดใจในการรักษา คือ ปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว หรือบางคนมีการรักษารอยสิวที่ผิดวิธี ส่งผลให้เกิดเป็นจุดด่างดำฝังลึก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว สามารถหายเองได้ตามธรรมชาติ เนื่องจากร่างกายมีการผลิตคอลลาเจน และช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออก รวมถึงเซลล์ผิวบริเวณรอยดำ รอยแดง ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุมากขึ้นประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจนก็น้อยลงตามไปด้วย ทำให้รอยดำ รอยแดงต่าง ๆ ใช้เวลาที่นานกว่ารอยสิวจะหาย ซึ่งบทความนี้ จะมาแชร์วิธีลดรอยสิว และจุดด่างดำให้ดีขึ้น จะทำอย่างไรไปดูกัน
คอลลาเจนลดสิวและรอยสิวได้จริงไหม?
มัดรวม! วิธีรักษารอยแดง และรอยดำจากสิว ทำตามนี้ผิวดีขึ้นแน่นอน
-
ไม่ควรแกะ บีบ กดสิวด้วยตัวเอง และไม่ควรนำมือสัมผัสหน้า
เชื่อว่าหลายคนอ่านมาถึงข้อนี้คงจะห้ามใจได้ยาก แต่เชื่อเถอะว่าวิธีนี้ช่วยได้จริง ๆ ซึ่งข้อสำคัญของการรักษา และไม่เพิ่มรอยสิวให้มากกว่าเดิม คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัส บีบ และแกะสิว เนื่องจากเป็นการกระตุ้นเนื้อเยื่อผิวหนัง และอาจทำให้รูขุมขนอักเสบ ส่งผลให้ระยะเวลาในการรักษารอยสิวนาน และหายช้ากว่าเดิม
-
ใช้แผ่นมาส์กหน้า (Sheet Mask) บำรุงผิวในช่วงกลางคืน
การใช้แผ่นมาส์กหน้า เป็นการบำรุงผิวอย่างล้ำลึกและเร่งด่วน ที่สามารถทำได้ทุกวัน แนะนำให้ลองเลือกสูตรที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใส และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ โดยใช้สลับกับมาส์กหน้าสูตรรักษาสิว จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง และรอยดำรอยแดงดูจางลง แต่การเลือกซื้อแผ่นมาส์กหน้าให้เลี่ยงมาส์กที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ไม่มีน้ำหอม เพื่อป้องกันการแพ้ระคายเคือง
แชร์ วิธีกินคอลลาเจน ให้เห็นผลเร็ว เผยผิวสวยใน 7 วัน
-
ใช้ครีมบำรุงช่วยลดรอยแดง รอยดำจากสิว
การเลือกใช้ครีมบำรุงผิว ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวโดยเฉพาะ และควรดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวควรที่มีส่วนผสมของ วิตามิน C คอร์ติโซน กรดแอสคอร์บิก อาร์บูติน เซราไมด์ วิตามิน B3 หรือไนอะซิน เป็นต้น โดยส่วนผสมเหล่านี้มีส่วนช่วยในการลดภาวะการอักเสบของผิวหนัง ทำให้รอยสิวจางลง แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้ระยะเวลา และการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ ควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งก่อนซื้อยา เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวให้มากที่สุด
-
สครับหน้าสัปดาห์ละครั้ง
การสครับหน้าช่วยรักษารอยสิวได้ เพราะเป็นการผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออกไปอย่างอ่อนโยน ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ซึ่ง Glory จะมาแจกสูตรทำสครับผิวหน้าด้วยส่วนผสมธรรมชาติ คือ น้ำตาลทรายแดง โยเกิร์ต และน้ำมะนาว ผสมรวมกันจะช่วยขจัดเซลล์ผิว และเป็นการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี อย่างไรก็ตาม การสครับผิวหน้าไม่เหมาะกับผู้ที่มีสิวอักเสบ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง และกระตุ้นให้สิวอักเสบมากขึ้น
-
ทานวิตามิน หรืออาหารผิว ช่วยบำรุงจากภายในสู่ภายนอก
การใช้อาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน หรือคอลลาเจนลดสิว สามารถช่วยรักษารอยสิวได้ แต่การทานอาหารเสริมอาจต้องใช้ความสม่ำเสมอ และระยะเวลาในการเห็นผลอย่างน้อย 1-2 เดือน จะช่วยให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใส
-
เลเซอร์รักษารอยสิว
การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ สามารถทำได้ทั้งรอยดำ รอยแดง และหลุมสิว ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลเร็วมากที่สุด เพราะแสงจากเลเซอร์สามารถเข้าถึงผิวหนังชั้นบน และชั้นกลางได้ ทั้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น แต่การเลเซอร์ลดรอยสิวควรทำติดต่อกัน 2-3 ครั้งขึ้นอยู่กับจำนวน และความเข้มของรอยสิว
อย่างไรก็ตาม การรักษาผิวหน้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและวินัยอย่างเคร่งครัด ดังนั้นหากใครที่กำลังเริ่มต้นรักษารอยสิวบนผิวหน้าอยู่ ก็ขอให้อดทน เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด และอย่าลืมหาตัวช่วยเสริมอย่างคอลลาเจนลดสิวมารับประทานร่วมด้วย เพื่อให้เห็นผลในการรักษารอยสิวอย่างรวดเร็ว
ขอบคุณข้อมูลจาก https://gloryofficialth.com/